เบื้องลึกเบื้องหลัง LESS (ตอนที่ 2)
ข้อเสียของการอัพแบบเป็นตอนๆอย่างหนึ่งก็คือสำหรับคนที่ไม่ได้อ่านตอนแรกแล้วนั่น ก็คงจะไม่คิดอ่านตอนต่อไปเป็นแน่แท้ ที่รู้ก็เพราะว่าผมก็เป็นคนนึงเหมือนกันแหละ ที่ถ้าไม่ได้อ่านตอนแรกไปแล้วมันรู้สึกว่าจะไม่รู้เรื่องถ้ามาอ่านตอนสองเลย ดังนั้นสำหรับท่านที่เข้ามาอ่านแล้วเจอกับตอนสองนี้เลย แนะนำให้กลับไปอ่านตอนแรกก่อนครับ ไม่งั้นไปถึงตอนหลังๆคงจะไม่มีคนอ่านแล้วแหงๆ เวลาผมเขียนก็อยากจะให้มีคนอ่านบ้างแหละ ไม่ได้คิดเอาไว้ว่าว่างๆก็เลยเอามาลงเล่น ยังไงก็ลองอ่านตอนแรกก่อนนะคร้าบ (ไม่น่าสนใจแล้วค่อยข้ามตอน 2 นี้ไป)
เนื่องด้วยก่อนอื่นต้องหาอ.ที่ปรึกษาก่อนล่ะ ผมกับเพื่อนก็นึกออกอยู่คนนึงเลยแหละ เพราะว่าตอนปี 1 ก็เรียนด้วยทั้งสองเทอม แถมมาเทอมนี้ก็ยังเจอตั้ง 2 วิชาอีก ดังนั้นอ.ที่ปรึกษาคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกซะจากอาจารย์ ว. (นามสมมติ หวังว่าอ.จะไม่ได้เข้ามาอ่านนะ – -) ตอนเย็นของวันหนึ่งผมก็เลยบุกไปหาซะเลย แต่เหมือนอ.จะรู้เรื่องนี้ดีอยู่เหมือนกัน เพราะมีเพื่อนผมอีกกลุ่มนึงก็คิดจะส่ง NSC เหมือนกันก็เลยมาให้อ.เป็นที่ปรึกษาไปเรียบร้อยแล้ว ก็เลยง่ายทางผมเลย อ.ก็ถามว่าส่งแค่ข้อเสนอก็ได้มาก่อนเลยใช่มั้ย 5000 บาท ผมเองก็ตอบไปว่าใช่ อ.ท่านก็เลยบอกว่างั้นก็น่าเขียนส่งไปก่อนอยู่ (แต่ถ้าเขียนข้อเสนอแล้วงานไม่เสร็จ เขาก็ยึดกะตังคืนนะครับผม = =") ก็เลยถามอ.ไปเกี่ยวกับพวกเทคนิคแล้วก็รายละเอียดการพัฒนาของโปรแกรมที่จะเขียนในข้อเสนอส่ง ซึ่งอ.ก็ออกตัวก่อนเลยว่ามันออกจะเข้าไปทางแถบๆ A.I (Artificial Intelligence) ซึ่งไม่ได้ถนัดเท่าไหร่เลย ส่วนผมก็คิดว่าก็ยังดีกว่าผมที่ไม่ได้ถนัดอะไรเลยนั้นแหละ เหอๆ
หลังจากที่เขียนข้อเสนอเรียบร้อยแล้ว เรียบร้อยในความหมายที่ว่าแต่ละหัวข้อพอมีตัวหนังสือใส่เข้าไป ไม่ค่อยจะมีรายละเอียดอยู่ในแต่ละหัวข้อเท่าไรนัก ซึ่งเนื้อหาใจความที่พอจะจับประเด็นจากที่เขียนกันเองได้ก็คือ เราคิดที่จะพัฒนา Web service ที่จะรับเข้ามูลเข้ามาประโยคภาษาไทยและส่งข้อความกลับเป็นรูปแบบประโยคที่ถูกต้อง เช่นรับเข้ามาว่า "วานเน้ฝนตก" ก็จะส่งกลับให้เป็น "วันนี้ฝนตก" แล้วก็จะพัฒนาในส่วนของเว็บบอร์ดที่จะเรียก Web service ตัวนี้ ดังนั้นเว็บบอร์ดที่จะทำขึ้นมาเมื่อเวลามีคนโพสตอบ หรือตั้งกระทู้ข้อความที่รับเข้ามาก็จะถูกนำไปแก้ไขก่อน แล้วถึงจะแสดงผลในเว็บบอร์ดได้ โดยชื่อภาษาไทยที่พวกผมตั้งเอาไว้ก็คือ "ระบบกลั่นกรองข้อผิดพลาดในการใช้ภาษาไทย" แล้วก็มั่วชื่อภาษาอังกฤษไปว่า "Language Error Screen System" เพราะอยากจะทำให้ชื่อย่ออ่านได้แล้วก็มีความหมาย โดยหากเอาตัวแรกของแต่ละคำมารวมกันจะได้เป็นคำว่า LESS นั่นเอง แต่ด้วยความที่ไวยากรณ์ออกจะประหลาดและผิดเพี้ยนไปบ้างผมก็เลยถามอ.ว่าจะแก้เป็นอย่างไรดี ซึ่งในที่สุดก็เลยได้ชื่อภาษาอังกฤษที่ถูกต้องจริงๆซักทีเป็น "Linguistic – Erroneous Screening System" แล้วก็ได้คำย่อมาเป็นเหมือนเดิม ก็ข้อเสนอชุดแรกผมก็เขียนไปให้อ.ดูหลายครั้งแล้วก็เอากลับมาแก้อยู่หลายทีเหมือนกัน แต่พอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้อ.กับอ.หัวหน้าภาคเซ็นอีกนิดหน่อย เตรียมหลักฐานอื่นๆแล้วก็ส่งไปในทันใด
เล็กน้อยเกี่ยวกับ Web service นะครับ ขออธิบายสำหรับคนที่ไม่รู้จัก (คงจะไม่เขียนอะไรที่เป็นศัพท์เทคนิคมาก) สำหรับเราๆท่านๆแล้วคงจะถนัดให้โปรแกรมต่างๆที่อยู่ในเครื่องกัน ซึ่ง Web service จริงๆแล้วก็เหมือนเป็นโปรแกรมตัวหนึ่งที่อยู่บนอินเตอร์เน็ท(service)นั่นเอง ซึ่งเราก็จะเรียกใช้ได้ก็ต่อเมื่อต่อเน็ทเท่านั้น ตัวอย่างง่ายๆก็อย่างเช่น Web service ที่ทำการแปลงค่าเงิน โดยการที่เราส่งจำนวนเงินในสกุลเงินสกุลหนึ่ง และสกุลเงินที่เราต้องการแปลงไป ตัว Service ก็จะส่งค่ากลับมาให้เป็น จำนวนเงินในสกุลที่เราต้องการแปลง ซึ่งแนวคิดนี้มีประโยชน์มากก็คือ การที่เราจะพัฒนาอะไรใหม่ๆนั่นเราไม่จำนวนต้องพัฒนาระบบทั้งหมด โดยบางส่วนอาจจะทำการเรียกใช้จาก Web service เอาก็ได้ ซึ่งโดยหากต้องการรายละเอียดมากกว่านี้ก็ที่นี่เลยครับ http://th.wikipedia.org/wiki/เว็บเซอร์วิส
ส่งไปก็เรียบร้อยแล้วงั้นก็ว่างสิทีนี้ เหลือแค่รอว่าข้อเสนอจะผ่านหรือเปล่าถ้าผ่านก็ได้ตังมาก่อนเลย 5000 บาท ซึ่งระหว่างที่รอแประกาศผลข้อเสนอที่ผ่านผมก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรจริงจังเท่าไหร่เลย วันๆก็ได้แต่นั่งเปิดข้อมูลว่ามันทำยังไง ลองเล่นนู้นเล่นนี่ดู โดยไม่มีอะไรออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน ก็ตามภาษาแหละครับ มันยังไม่จวนตัวนี่นา มันก็เลยยังไม่มีไฟที่จะทำ พอถึงวันประกาศจริง (ซึ่งรู้สึกว่ามันจะเลยจากกำหนดการเดิมไปหลายอาทิตย์อยู่เหมือนกัน) ผมก็เปิดดูผ่านเว็บนั่นแหละ ซึ่งก็ผ่านตามที่คาดไว้ เพราะยุ้ยมันบอกแต่แรกแล้วว่าข้อเสนอส่วนใหญ่ก็ผ่านกันหมด แล้วก็น่าจะมีของธรรมศาสตร์ผ่านมาอีก 5 กลุ่มล่ะมั้ง ถ้าผมจำไม่ผิดนะ แล้วทาง SIIT ซึ่งเป็นผู้ประสานงานภาคกลางก็ส่งเมล์มาที่ผม ใจความประมาณว่า จะมีพิธีมอบทุนวันที่ 29 ตุลาที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เหมือนกับจะให้มาเพื่อที่ทำสัญญาทำพิธีมอบทุน บลาๆๆ ด้วย แต่ไม่รู้ด้วยเหตุบังเอิญอันใดวันที่ 29 ผมมีสอบปลายภาคตอนเช้า 9.00 – 12.00 นี่สิ อะไรจะเหมาะเจาะเยี่ยงนี้
ก็ยังโอเคผมกะว่าสอบ 3 ชม.ประมาณชั่วโมงครึ่งก็น่าจะทำ(หรือมั่ว)เสร็จแล้วแหละ ก็เลยเตรียมเอกสารที่จะต้องไปยื่นวันรับทุนให้เรียบร้อย แล้วก็ตกลงกับเพื่อนไว้ก่อนเลยว่ารีบทำข้อสอบออกมากันล่ะ แล้วก็จะได้ชิ่งไปเลย ไม่งั้นเดี่ยวมันจะไม่ทัน พอถึงวันสอบจริง ก็รีบเข้าไปมั่วโดยไวแล้วก็ออกมาก่อนเลย ประมาณชั่วโมงตามทีกะไว้พอดี แต่เพื่อนผมมันยังไม่เสร็จนี่สิ ผมเลยนั่งรออยู่นอกห้องสอบ พอดีว่าอ.ที่คุมสอบวิชานั้นก็คืออ.ที่ปรึกษาโครงงานผมเอง แล้วอ.แกที่เพิ่งเดินออกไปไหนก็ไม่ทราบได้ก็กำลังจะกลับไปคุมสอบต่อ แต่ดันเจอผมนั่งอยู่นอกห้องซะก่อน อ.ก็เลยถามผมประมาณว่า
อ. : ข้อสอบง่ายล่ะสิ
ผม : ยิ้มๆแต่ไม่ตอบอะไรไป (ในใจ : ไม่จริงมั้งครับ -*-)
อ. : วันนี้ต้องไปที่ตลาดหลักทรัพย์ใช่มั้ย
ผม : ใช่ครับ
อ. : แล้วจะไปยังไงล่ะ?
ผม : ยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับ เดี๋ยวรอถามเพื่อนอีกทีนึง (จริงๆกะว่าแท็กซี่เลยมั้ย เดี่ยวจะไม่ทัน)
อ. : งั้นเดี๋ยวครูถามเพื่อนให้เพราะเพื่อนครูทำงานอยู่ที่นั่น
แล้วอ.ก็หยิบโทรศัพท์โทรถามให้ในทันใด โดยมีคำตอบเป็นเนื้อความว่า นั่งรถไฟใต้ดินไปจะง่ายสุดเพราะขึ้นจากสถานีก็จะเจอเลย ผมก็เลยว่าเอาวิธีนี้แหละนั่งรถตู้ไปจตุจักรแล้วก็ต่อรถไฟใต้ดินเลย แล้วก็ก่อนที่อ.จะเดินเข้าไปคุมสอบต่อก็ยังบอกผมอีกว่า"แล้วอย่าลืมทำส่งด้วยล่ะ เดี๋ยวเขายึดเงินคืน" เหอๆผมก็กลัวเหมือนกันครับ แล้วก็สักพักเพื่อนผมก็ออกมาจากห้องสอบ แล้วก็ไปนั่งรถตู้กัน ระหว่างทางที่ไปจตุจักรก็ดูถนนปลอดโปร่งดีไม่ติดขัดเท่าไหร่ แต่มันดันไปเติมก๊าซ NGV นี่สิ ต่อคิวไปเกือบครึ่งชม. เติมอีกเกือบ 10 นาทีได้ = ="
จนแล้วจนรอดก็ถึงจนได้ เขาให้หัวหน้าทีมไปนั่งที่ห้องประชุมอะไรซักอย่างนี่แหละ ส่วนเพื่อนผมอีก 2 คนก็ไปนั่งอีกห้องนึงที่มีทีวีถ่ายทอดสดไปจากห้องประชุม แล้วพิธีก็เริ่มต้นขึ้นโดยมีพิธีกรกล่าวเปิดไปซักพักแล้วก็เชิญอ.จาก SIIT มาเป็นผู้มอบเงินทุน (ไม่ใช่เงินรางวัลครับ เพราะยังไม่ได้ทำอะไรเลย) ระหว่างที่เรียกแต่ละคนไปรับ ก็มีโครงงานของเด็กมัธยม่ะมั้งครับ ชื่อประมาณว่า "จัดงานศพ ออนไลน์" อะไรซักอย่างนี่แหละ ฟังแล้วแบบว่ามันมีทำทุกอย่างเลยใช่มั้ยเนี่ย พอรับกันหมดเรียบร้อยแล้วเขาก็เชิญอ.มาพูดเกี่ยวกับงานครั้งนี้ ซึ่งเขาก็บอกว่า โครงงานปีนี้มีความน่าสนใจดี แล้วเขาก็อยากจะฝากผู้พัฒนาไว้หน่อยว่า อยากให้พัฒนาแบบที่ว่าสามารถทำต่อยอดขึ้นไปได้ แล้วก็พยายามทำพวกเอกสารต่างๆ เพื่อที่จะได้พัฒนาต่อได้ง่ายขึ้น อะไรประมาณนี้ แล้วก็เชิญรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ขึ้นมาพูดต่อ
แล้วก็หลังจากเสร็จพิธีซึ่งผมรู้สึกว่าไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่เลย ดีตรงที่ได้ฟังคนอื่นพูดหน่อยนึง แล้วก็ตอนออกมาที่ของว่างให้กินนี่แหละ รู้งี้ไม่รีบมาก็ได้ ที่สำคัญคือเอกสารที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ก็ยังยื่นไม่ได้อยู่ดี ต้องไปเขียนอันนู้นอันนี้เพิ่มแล้วก็ส่งไปรษณีย์ไปทีหลัง สรุปแล้วตอนนี้ก็เหลือเวลาอีก 2 เดือนที่จะทำแล้วก็ส่งไป ส่วนจะเป็นอย่างไรติดตามต่อตอนหน้าครับ (อยากบอกว่าตอนหน้าเร็วๆนี้เหมือนกัน แต่กลัวจะดองอีก เหอะๆ)
เบื้องลึกเบื้องหลัง LESS (ตอนที่ 1)
แน่นอนว่าหัวข้อโครงงานก็มีแล้ว งั้นก็เริ่มพิมพ์ข้อเสนอเบื้องตนเลยสิ แต่อะไรๆก็ไม่เป็นใจขนาดนั้น ข้อเสนอที่คิดว่าง่ายดาย ก็กลับยากขึ้นเมื่อเปิดผ่านหัวข้อที่ต้องเขียน เทคนิดหรือเทคโนโลยีที่ใช้! เครื่องมือที่ใช้พัฒนา! ขอบเขตการพัฒนา! บลาๆๆ จะเขียนอะไรเนี่ย ยังไม่มีในหัวซักอย่าง มีแต่ชื่อโครงการกับรายละเอียดข่าวๆเท่านั้นเอง อ.ที่ปรึกษา!! จะหาจากไหนล่ะ ผมเลยตัดสินใจเขียนในหัวข้อที่เขียนได้ก่อน แล้วก็กะว่าจะหาอ.ที่ปรึกษาแล้วก็คงจะถามอ.น่ะแหละครับ ว่ารายละเอียดต่างๆจะเขียนแล้วก็จะทำไงดี
ยังไม่จบครับแต่กลัวคนอ่านจะเบื่อกันซะก่อนเลยขอพักไว้แค่นี้ก่อนแล้วกัน ไว้ต่อตอนหน้าครับผม (หุหุ มีเรื่องอัพแล้ว)